[REVIEW] รีวิวว่านหางจระเข้สูตรเย็น ♥ Vitara Aloe Vera Cool Plus

เข้าสู่หน้าหนาวแล้วค่ะที่รัก
หนาวที่เต็มไปด้วยอากาศร้อน ฝนตก แต่ไร้ซึ่งหิมะ #ถถถถ
วันนี้!! #ตกใจทำไม
นทมีไอเท็มที่ช่วยผิวไหม้ผิวแตกแห้งมารีวิวให้ดูกัน
จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “Alovera ” หรือว่านหางจระเข้
ยาสามัญประจำ(แทบทุก)บ้าน ที่ช่วยให้ความชุ่มชื่น
ช่วยบรรเทาอาการไหม้จากแสงแดด และยังมีประโยชน์อีกมากมาย

เอาจริงก็ใช้มานานโขจนหมดไปหลอดหนึ่งขึ้นหลอดไหม
แล้วรู้สึกว่าเออ…ก็ชุ่มชื่นดีนะ โอกาสดีเลยหยิบมารีวิวให้ฟังกัน ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย 🙂

Vitara Aloe Vera Cool Plus
เจลว่านหางจระเข้ และ แตงกวาสกัด 99.5 %
สำหรับบำรุงผิวในทุกๆวันหรือหลังการออกแดด
ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น เย็นสบายสำหรับผิวธรรมดา ผิวแพ้ง่าย
และผิวที่ไหม้มากๆ เนื่องมาจากแสงแดดและความร้อน
ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย

หลอดสีเขียวใสเห็นตัวเนื้อเจลว่านหางจระเข้
ผลิตภัณฑ์เป็นแบบหลอดบีบ สะดวกใช้ง่าย
ด้านหน้ามีเขียนว่า Dermatologically Tested
คือ ผ่านการตรวจสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
อีกทั้งด้านหลังหลอดยังบอกอีกว่า
Alcohol-Free | Menthol-Free | Camphor-Free

ปกตินทจะใช้เจลว่านหางจระเข้แบบเป็นกระปุกอบู่แล้ว
และเวลาใช้ทีหนึ่งจะต้องเอามือควัก #สุขอนามัยซะไม่มี
แต่ด้วยการใช้งานง่ายของผลิตภัณฑ์ Vitara
ออกแบบมาเป็นหลอดบีบ ทำให้สามารถกะปริมาณได้
เนื้อเจลเป็นสีใส ให้ความหนืดแบบเจ้มจ้น >_<
กลิ่นน้ำหอมแรง เกลี่ยง่ายเหมือนพอกอยู่บนผิว
ให้ความรู้สึกเย็นกว่าเจลว่านหางทั่วไป
ยิ่งโดนลมนะ เย็นวาบเลยหละ ♥

นทเอา Vitara Aloe Vera Cool Plus
เน้นพอกส่วนที่แห้งกร้านวันเว้นวันเช่นแบบ
ข้อศอก | หัวเข่า | ตาตุ่ม
ส่วนลำตัวก็จะทาเฉพาะวันที่ไปตากแดดจัดๆมาเท่านั้น
ก็คือทาเป็น After Sun นั่นแหละ เย็นสบายผิวสุดด
ส่วนใบหน้าและจะทาเฉพาะวันที่ไปตากแดดจัดๆเหมือนกัน
แต่จะทาบางๆ เพราะตัวนี้ค่อนข้างหนืดหนักมาก #กลัวสิวขึ้น
นบางทีก็เอาไปพอกตรงปลายผมบ้างให้ความชุ่มชื้น 🙂

ตั้งแต่ใช้ว่านหางจระเข้
นทว่า Vitara Aloe Vera Cool Plus
ให้ความชุ่มชื่นแบบสุดพลังนะ แต่ก็หนืดหนักมากเช่นกัน
ที่ชอบคือนางให้ความรู้สึกเย็นตามชื่อเลย 555
ไม่ปลื้มจิตปลื้มใจอย่างเดียวคือ กลิ่นน้ำหอมแรงมาก
แรงแบบที่ว่าถ้าสูดหายใจแบบเต็มที่ คือฉุนแสบจมูกเลยอ่ะ
แน่นอนว่าถ้าใครแพ้น้ำหอม
นทแนะนำให้ลองใช้อีกสูตรหนึ่งที่ชื่อว่า
Vitara Aloe vera Plus Panthenol 5%
ตัวนี้น่าจะเวิร์คกว่าเพราะแทบจะไม่ใส่สารอะไรที่น่าจะทำให้แพ้เลย
แต่อย่างไรก็ตามทดลองดูกันก่อนใช้ด้วยนะ
ลาแล้วแก้วตา เจอกันใหม่ Blog หน้า
เอ้า !! กราบบบบบ -/\-
ติดตามน้องอย่างใกล้ชิดได้ที่ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *