[IT] ลองเล่นเครื่องดูดฝุ่น Samsung Vacuum POWERbot VR9000
วันนี้มาแปลก ไม่พูดถึงความสวยความงาม
แต่จะมาพูดถึงเครื่องใช้ภายในบ้านที่ช่วยในเรื่องความสะดวกสบาย
นั่นก็คือ ” เครื่องดูดฝุ่น “ แสนเก๋นั่นเอง
พอดีนทไปเล่นกิจกรรมแล้วเขาให้มาทดลองใช้ทำความสะอาดบ้าน
จะบอกว่าสองอาทิตย์ที่ได้ทดลองใช้เครื่องนี้
พูดได้เลยว่าประหยัดเวลาในการทำความสะอาดบ้านไปเยอะเลย
ไม่เสียเวลาเราไปรู้จักกันเลยดีกว่า
Samsung Vacuum POWERbot VR9000

เครื่องดูดฝุ่นรุ่นเรือธง (Flagship) ของทาง Samsung
ที่โดดเด่นในเรื่อง Design และ Function ที่ครบครัน
ด้วยเทคโนโลยี CycloneForce ที่ให้พลังดูด
มากกว่าเครื่องดูดฝุ่นทั่วไปถึง 60 เท่า
อีกทั้งยังมีช่องดูดฝุ่นที่กว้างถึง 311 mm
ทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจดทุกซอกทุมมุม
ตัวเครื่องมีขนาดความสูงเพียง 5.3 นิ้ว
ซึ่งสามารถทำความสะอาดใต้เตียงหรือตู้ได้อย่างสบาย
มีล้อขับเคลื่อนแบบหมุนได้รอบทิศทาง ดีไซน์ซ่อนล้อแบบเนียบสวยงาม
อีกทั้งยังมีระบบ Visionary Mapping™ Plus System
เป็นระบบที่ทำให้ทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย 
ลองแงะแกะบางส่วนออกมาตามรูปคือ (ซ้ายไปขวา)
ถังเก็บฝุ่น ขนาด 0.7 ลิตร 
เป็นกระบวนการสุดท้ายที่เมื่อดูดฝุ่นเสร็จแล้วจะมาพักเศษต่างๆไว้ตรงนี้
ดูเหมือนจะเล็กแต่หลังจากที่ลองใช้มาอาทิตย์เศษๆ ฝุ่นยังไม่เต็มถังเลยนะ
ไส้กรองแบบละเอียด
เอาไว้กรองเศษฝุ่นขนาดเล็กใหญ่
ชิ้นนี้ทำมาจากยางพารา ถอดล้างซักได้ง่ายด้วย
ส่วนไซโคลน
เป็นส่วนสำคัญของเครื่องเลยก็ว่าได้
เพราะช่วยทำให้เกิดลมหมุนแยกเศษฝุ่นที่มีขนาดต่างกัน
ปุ่มบนตัวเครื่องมีด้วยกัน 3 ปุ่มด้วยกัน (ซ้ายไปขวา)
ปุ่มเลือกโหมดทำความสะอาด
สามารถเลือกได้ตามความต้องการซึ่งมีให้เลือก 4 โหมดด้วยกันคือ
ทำความสะอาดอัตโนมัติ , ทำความสะอาดเฉพาะจุด ,
ทำความสะอาดเต็มประสิทธิภาพ และ ทำความสะอาดด้วยตัวเอง
ปุ่มโหมดทำความสะอาดอัตโนมัติ
เรียกง่ายๆว่าก็คือปุ่มเปิดปิดนั่นแหละ
ซึ่งจะทำความสะอาดอัตโนมัติทันทีหลังกดปุ่มนี้
ปุ่มกลับไปยังแท่นชาร์จ
หากใช้งานเสร็จแล้วเพียงแค่กดปุ่มนี้
เครื่องดูดฝุ่นจะเข้าแท่นชาร์จเองโดยอัตโนมัติ
มาดูในเรื่องของประสิทธิภาพการดูดฝุ่นดีกว่า
นททำเป็นแบบภาพเคลื่อนไหวให้ดู…
จะได้เห็นชัดๆว่าเจ้าเครื่องนี้ทำงานอย่างไร ?
ซึ่งแน่นอนว่า Samsung Vacuum POWERbot VR9000
สามารถเก็บกวาดได้เรียบร้อยตั้งแต่เศษฝุ่นไปถึงเศษมาม่า =_=
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่แบบ Proud To Present มาก
นั่นก็คือการใช้งานผ่าน Remote Control นั่นเอง
ซึ่ง Remote เนี่ยก็มี Function มากมายเพียงแค่กดปุ่มต่างๆ
เจ้าเครื่องดูดฝุ่นก็จะทำตามที่เราสั่งแล้วหล่ะเอ้อออ
โดยแต่ละปุ่มมีหน้าที่ดังนี้
Auto – ทำความสะอาดอัตโนมัติ
Spot – ทำความสะอาดเฉพาะจุด
Max – ทำความสะอาดเต็มประสิทธิภาพ
Manual – ทำความสะอาดด้วยตัวเอง
Point Cleaning – เลเซอร์สีแดงเพื่อให้เครื่องดูดฝุ่นวิ่งไปตามจุดนั้น
Silence – ทำความสะอาดในโหมดเงียบ (เสียงจะเบาลง)
Dust Sensor – โหมดเซนเซอร์ฝุ่นละออง
Sound – เปิด-ปิดเสียง
Schedule – ตั้งเวลาการทำงานของเครื่องอัตโนมัติ
Clock – ตั้งเวลาเครื่อง
Remote – ปุ่มว่าง… #เอ่อ
นี่เลยการทำงานด้วยระบบ Point Cleaning
คือเครื่องดูดฝุ่นจะวิ่งตามจุดแดงๆที่เรากำหนดได้เอง
สนุกดี 555 เข้าถึงจุดที่เราอยากให้ทำความสะอาดได้ภายในทันที
อ้อ…อีกอย่างคือ เจ้าเครื่องดูดฝุ่นนี้
สามารถข้ามสิ่งกีดขวางได้อีกด้วยนะ (มากสุด 2cm)


ตอนแรกแอบงงว่าเจ้าอันนี้คืออะไรหว่า ?
แต่พอได้ทดลองแล้วก็…อ๋อขึ้นมาทันที
” Virtual Guard ” เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกัน
ไม่ให้เข้าไปรบกวนในส่วนที่เราไม่ต้องการได้

ในเรื่องของความมีระเบียบของเครื่องดูดฝุ่นตัวนี้
ก็ทำได้ดีเช่นกัน เพราะว่ามีแท่นชาร์จ
ที่เครื่องดูดฝุ่นเมื่อใช้งานเสร็จจะวิ่งกับเข้าไป
เป็นที่เป็นทางดูมีความระเบียบเรียบร้อยมากๆ
มาสรุปกันดีกว่าว่า หลังจากใช้เครื่องนี้แล้วเป็นไงกันบ้าง
ข้อดี
– สะอาดเทียบเท่ากับการกวาดด้วยตัวเอง
– สะดวกสบายทุ่นแรงได้เยอะ #แบบว่าขี้เกียจ
– เข้าเก็บกวาดในส่วนที่เข้าไม่ถึงได้อย่างง่ายดาย เช่น ใต้เตียง
-สามารถตั้งค่าทำความสะอาดได้มากมายตามที่เราต้องการ
ข้อเสีย
– แอบเสียงดังแม้เปิด Silence #เป็นคนสงบมาก
– ทำความสะอาดในช่วงมุมไม่ได้ เพราะระบบเซนเซอร์จะถอยตลอด
โดยภาพรวมถือว่าโอเคเลยนะ
ทำความสะอาดได้ดีเหมาะกับคนขี้เกียจทำงานบ้านอย่างเรา
จริงๆถ้ามีที่ถูบ้านด้วยจะเลิศมาก 555
แต่ด้วยเรื่องราคาที่สูงพอตัว (28,900 บาท)
คงต้องคิดหนักเหมือนกันว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนหรือเปล่า
แต่ถ้าใครบ้านฝุ่นเยอะ เลี้ยงน้องแมว และพอมีเงินอยู่บ้าง
ลองเก็บไปพิจารณาดูนะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอลากันไปก่อน
เอ้า !! กราบบบบบ -/\-
ติดตามน้องอย่างใกล้ชิดได้ที่ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *